ท่าดีทีเหลวจนได้สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการออกไปเยือน เชลซี ทีมที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เช่นกันในการทำศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 เม.ย. และทั้งๆที่พลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรองสองเม็ดแซงนำได้ 3-2 แต่ก็มาพลาดท่าเสียสองประตูในช่วงต่อเวลาคืนให้ สิงห์บลูส์ กระทั่งต้องพ่ายทีมเมืองหลวงไปแบบดูไม่จืดด้วยสกอร์ 4-3 ซึ่งบอกได้เลยว่าถือเป็นผลลัพธ์ที่สร้างความอ่อนอกอ่อนใจให้กับแฟนบอล เร้ด เดวิลส์ อย่างยิ่งก่อนเกมแดงเดือดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์นี้
1. สิงห์บลูส์ ไม่เปลี่ยนโผ
เชลซี ของกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ตัดสินใจใช้นักเตะชุดเดิมลงสนามแม้จะเสียฟอร์มอย่างแรงเนื่องจากพวกเขาเฝ้าบ้านโดน เบิร์นลีย์ ที่เหลือสิบคนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกไล่ตีเสมอ 2-2
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ต้องนั่งสำรองต่อไปโดยสามหัวหอกที่กุนซืออาร์เจนไตน์ให้ความไว้วางใจยังคงได้แก่ โคล พาลเมอร์ , นิโคลัส แจ็คสัน และ มิไคโล มูดริค
2. เทน ฮาก ดร็อป แรชฟอร์ด
หลังโดนโจมตีฟอร์มที่เลวร้ายโดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ออกไปเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองตามเสียงเรียกร้อง
อย่างไรก็ดี เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์อธิบายว่าเป็นการโรเตชั่นเพื่อเก็บความสดของนักเตะเอาไว้เนื่องจากทีมมีโปรแกรมชุกในระยะนี้ และต้องต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์
รวมแล้ว ผีแดง ปรับโผตัวจริงรวมสามรายให้ อันโตนี่ ลงเล่นก่อนหน้า แรชฟอร์ด ขณะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เสียตำแหน่งในแดนกลางให้กับ กาเซมีโร่ ตามคาด
สำหรับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้คืนโผตัวจริงแทน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่บาดเจ็บ ส่วน เมสัน เมาท์ อดีตกองกลาง เชลซี ที่หายเจ็บแล้วนั่งข้างสนามต่อโดยเกมนี้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกอาร์เจนไตน์ได้ออกสตาร์ตเป็นนัดที่ 28 ติดต่อกัน
3. พาลเมอร์ เพชฌฆาต 12 หลา
แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลอีกตามเคยเมื่อเสียประตูตั้งแต่ไก่โห่ในนาทีที่ 4 โดย คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ซัดให้ เชลซี นำเร็ว 1-0
จากสกอร์ดังกล่าว ถือเป็นหายนะสำหรับ ผีแดง โดยแท้เนื่องจากสถิติระบุว่าพวกเขาแพ้รวดสี่นัดในเกมเยือน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้หากเป็นฝ่ายเสียประตูให้กับทีมเจ้าบ้านก่อน
ขณะเดียวกัน ประตูนำของ สิงห์บลูส์ ถือเป็นสกอร์ที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดของพวกเขาในเกม พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถัดจากที่ เปโดร ส่งบอลเข้าประตูได้ตั้งแต่นาทีแรกเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2016
ยิ่งไปกว่านั้น ผ่านมาถึงนาทีที่ 19 อันโตนี่ ยังก่อความผิดพลาดทำเสียลูกโทษอีกจากจังหวะกระแทก มาร์ค กูกูเรย่า ล้มโดยแน่นอนว่า โคล พาลเมอร์ สังหารไม่พลาดพาเจ้าบ้านนำ 2-0 พร้อมทั้งเป็นการการันตาว่าอดีตเด็กปั้น แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยยิงลูกโทษพลาดเลย
หลังสอยตาข่ายได้สำเร็จ ทำให้ พาลเมอร์ คลำเป้าในซีซั่นนี้เป็น 14 ประตูแล้ว และเป็นลูกโทษลูกที่เจ็ดของเขา พร้อมเป็นดาวเตะ เชลซี รายที่สามที่ยิงประตูเกม พรีเมียร์ลีก นัดเหย้าได้หกนัดติดต่อกันถัดจาก ไอเดอร์ กุดยอห์นเซ่น และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้าแข้งของถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ รายแรกที่สังหารลูกโทษในเกมลีกได้เจ็ดเม็ดในซีซั่นเดียวกันต่อจาก จอร์จินโญ่ ในซีซั่น 2020/21 โดยเป็นรอง แฟร้งค์ แลมพาร์ด แค่คนเดียวที่ยิงลูกโทษในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นเดียวให้ทีมเมืองกรุงได้ 10 เม็ดในซีซั่น 2009/10
เท่านั้นไม่พอ สุดท้ายแล้ว พาลเมอร์ มีโอกาสซัดลูกโทษ ให้ทีมในช่วงทดเวลาตีเสมอเป็น 3-3 ได้หลังจาก ดาโลต์ ทำพลาดไปสกัด โนนี่ มาดูเอเก้ ร่วม ก่อนที่เจ้าตัวจะทำเซอร์ไพรส์ตะบันบอลแฉลบ แม็คโทมิเนย์ ตุงตาข่ายพา สิงห์บลูส์ กำชัยไปอย่างเหลือเชื่อ 4-3 ทำแฮททริคได้อย่างยิ่งใหญ่
จากการทำแฮททริคของ พาลเมอร์ นับเป็นประตูชัยที่เกิดขึ้นล่าช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกม พรีเมียร์ลีก ด้วยเช่นกัน (นาทีที่ 100.39) โดยถึงขณะนี้ กองกลางทีมชาติ อังกฤษ พังประตูในเกมลีกได้เป็น 16 เม็ดแล้ว และเป็นหนึ่งในสี่รายที่ตามหลัง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ศูนย์หน้า แมนฯ ซิตี้ แค่สองประตู
4. ผีแดง สู้แค่ตาย (สมใจ)
แม้จะเริ่มเกมได้ไม่ดี แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงสปิริตนักสู้เมื่้อพลิกสถานการณ์ตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้อย่างเหลือเชื่อจากการสอยตาข่ายของ การ์นาโช่ ที่อาศัยการผ่านบอลเข้ากลางพลาดของ มอยเซส ไกเซโด้ ลากเข้าไปเช็กบิลในนาทีที่ 34
ถัดจากนั้นอีกห้านาที สาวก สิงห์บลูส์ ก็ต้องคอตกเมื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีมเยือนโขกลูกโยนข้ามฟากจาก ดีโอโก้ ดาโลต์ ตีเสมอให้ทีมได้อันทำให้เกมในครึ่งแรกจบลงอย่างสนุกด้วยสกอร์ 2-2
ขณะเดียวกัน แม้จะโดนนำห่างถึงสองประตู แต่นักเตะ ผีแดง ไม่คิดถอดใจง่ายๆ และโชว์ฟอร์มกันได้อย่างน่ายกนิ้วให้กระทั่งไล่ตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จโดยสถิติหลังจบ 45 นาทีแรกบ่งชี้เช่นกันว่าลูกทีมของ เทน ฮาก พลิกสถานการณ์ได้เยี่ยมเนื่องจากพวกเขาครองบอลได้เหนือกว่าเจ้าถิ่น 53:47% และได้ยิงมากกว่า 13:11 ครั้ง แต่ทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบได้ 4 ครั้งเท่ากัน
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งได้ชื่อว่าโดนฝ่ายตรงข้ามส่องยิงแต่ละเกมเป็นชุดเพิ่มสถิติที่เลวร้ายโดนคู่แข่งไล่ยิงในทุกรายการนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2024 เพิ่มเป็น 275 ครั้งเข้าไปแล้วหลังเกมในครึ่งแรกจบลงซึ่งเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดของทุกทีมในห้าลีกใหญ่ของยุโรป
กระทั่งเข้าครึ่งหลังทั้งๆที่ชิงนำเป็น 3-2 ได้จากลูกโหม่งของ การ์นาโช่ แต่ทำไปทำมา ผีแดง เน้นเกมรับรอโต้กลับโดยปล่อยให้ เชลซี บุกเข้าหากระทั่งกลายเป็นว่าเจ้าบ้านพลิกนรกได้สำเร็จด้วยการสอยเพิ่มอีกสองเม็ดจาก พาลเมอร์ คนเดียวคว้าชัยไปได้อย่างสุดระทึกโดยหลังเกม 90 นาที กลายเป็นทีมของ พอช ที่พลิกกลับมาครองบอลได้เหนือกว่า 56:44% และได้ยิงมากกว่า 28:19 ครั้ง พร้อมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 10-5 ครั้ง
5. ลางร้ายก่อนแดงเดือด
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจในช่วงต่อเวลาแทนที่จะกำชัย 3-2 กลายเป็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกแพ้อย่างเหลือเชื่อ 4-3 ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเป็นสกอร์แรก ทีมของ เทน ฮาก จะต้องมีความฮึกเหิมก่อนต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์นี้ แต่ในเมื่อผลลัพธ์พลิกผันเป็น ผีแดง ปราชัย กำลังใจในเกมปะทะ หงส์แดง ของนักเตะจาก โรงละครแห่งความฝัน จึงส่อแววติดลบตามระเบียบ
ถึงตรงนี้ เทน ฮาก ยังไม่สามารถคุมทีมคาดหวังถึงผลลัพธ์ได้เลยโดย แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เป็นเกมที่ 12 ในลีกเข้าไปแล้ว และมันหนีไม่พ้นทำให้เขาถูกเพ่งเล็งหนักขึ้นว่าจะโดนปลดหลังจบซีซั่น
จะว่าไป บางทีอาจสมควรแก่เวลาที่ ผีแดง จำเป็นต้องเสี่ยงพึ่งกุนซือรายใหม่ดูบ้าง จะเป็น แกเร็ธ เซาธ์เกต ตามกระแสข่าวหรือใครอื่นก็ว่ากันไปเนื่องจากเห็นกันชัดๆมาหลายเกมแล้วว่านายใหญ่ดัตช์ไม่อาจเข็นทีมไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว และแม้ซีซั่นก่อนเขาอาจมีผลงานที่ดี แต่มันอาจเป็นภาพลวงตาก็ได้ในเมื่อซีซั่นนี้เขาพาทีมฝ่าวิกฤตไม่ได้เลยทั้งๆที่มีหลายนัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะชนะ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด
และแม้จะพยายามให้เหตุผลว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพียบ แต่หากจะว่ากันอย่างยุติธรรม เชลซี หรือ ลิเวอร์พูล และ ฯลฯ ก็ล้วนประสบกับปัญหานี้ มันจึงไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ ปีศาจแดง มีผลงานที่ตกต่ำดำดิ่งอย่างที่ เทน ฮาก พยายามเน้นย้ำ
|
สมาชิกทั้งหมด 129 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
เริ่มนับ 9/มิ.ย./2556
ขณะนี้
สถิติวันนี้
สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
ท่าดีทีเหลวจนได้สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการออกไปเยือน เชลซี ทีมที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เช่นกัน
